วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ข้อมลูทั่วไป "ว่านสี่ทิศ"

ว่านสี่ทิศเป็นไม้ดอกประเภทหัวชนิด true bulb อยู่ในสกุล Hippeastrum หรือ Amaryllis จัดอยู่ในวงศ์ Amarylidaceae ว่านสี่ทิศมีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนและกึ่งร้อนของทวีปอเมริกา มีประมาณ 80 ชนิดด้วยกัน แต่จากการปรับปรุงพันธุ์ในต่างประเทศสามารถสร้างพันธุ์ใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย ซึ่งมีลักษณะและขนาดของต้น และสีของดอก แตกต่างกันไป มีทั้งพันธุ์ที่มีกลีบดอกชั้นเดียว และดอกซ้อนจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายว่านสี่ทิศนำเข้าจากต่างประเทศมาปลูกในประเทศไทยมานานแล้วจนเรียกว่าพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งกลุ่มแรกมีใบสีเขียว เช่น พันธุ์ดอกสีส้ม สีแดง สีชมพู และครีมขีดแดง พันธุ์เหล่านี้ออกดอกปีละครั้งในฤดูแล้ง ขณะมีช่อดอกมักจะไม่มีใบ ใบเรียวยาว กลุ่มที่สองเป็นพวกที่มีแถบสีขาวกลางใบ ได้แก่ รางเงิน รางทอง และรางนาค พันธุ์เหล่านี้ออกดอกได้ปีละหลายครั้ง ขณะที่ออกดอกมีใบด้วย ใบกว้างหนา กลีบดอกมีร่างแห อีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มลูกผสมจากต่างประเทศ ซึ่งได้รับความนิยมมากเนื่องจากมีดอกขนาดใหญ่ รูปทรงของดอกแตกต่างกันออกไป สีและลวดลายบนกลีบดอกสวยงาม ซึ่งพันธุ์เหล่านี้ได้จากการปรับปรุงพันธุ์อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1799 (Huxley และคณะ, 1992) ในประเทศแถบยุโรป อเมริกา อาฟริกาและญี่ปุ่น จนกระทั่งปัจจุบันมีพันธุ์ลูกผสมมากกว่า 300 พันธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และอาฟริกาใต้ (Okubo, 1993) สำหรับการปรับปรุงพันธุ์ว่านสี่ทิศในประเทศไทย คณะนักวิจัยของเราได้ทำการปรับปรุงพันธุ์ สามารถผลิตลูกผสมข้ามพันธุ์ได้ โดยใช้ว่านสี่ทิศพันธุ์พื้นเมือง ว่านสี่ทิศพันธุ์ต่างประเทศและกลุ่มรางเงิน รางทอง รางนาค โดยใช้วิธีผสมเกสรจากดอกที่อยู่บนต้นหรือจากช่อดอกที่แช่อยู่ในน้ำยาบานทนในห้องปฏิบัติการ สามารถติดฝักได้ และได้ทำการช่วยชีวิตลูกผสมโดยการเพาะเมล็ดอ่อน หรือเอมบริโอที่อยู่ในฝักลงบนอาหารวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยแร่ธาตุ น้ำตาล วิตามิน และสารควบคุมการเจริญเติบโต เมื่อเมล็ดงอกในขวดแล้วทำการเพิ่มปริมาณในสภาพปลอดเชื้อ สามารถผลิตลูกผสมพันธุ์ใหม่ ๆ ได้มากมายหลายพันธุ์

การจำแนกว่านสี่ทิศ
1. ตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์
Bryan (1989), Huxley และคณะ (1992), Okubo (1993), Bryan และ Griffiths (1995) ได้จำแนกว่านสี่ทิศตามลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ดังนี้
1.1 Hippeastrum reticulatum มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบราซิลตอนใต้ มีหัวขนาด 8 ซม. ใบ 5-6x30 ซม. ขณะออกดอกจะมีใบ จำนวนดอก 3-5 ดอกต่อช่อ ขนาดดอก 8 ซม. กลีบดอกสีขาว มีร่างแหสีชมพูอ่อน กลีบดอกยาว 10 ซม. ภายในผลมีเมล็ดจำนวนน้อย เมล็ดกลมสีดำและแข็ง
1.2 H. reticulatum var.striatifolium มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบราซิล ใบมีแถบเส้นกลางใบสีขาว ใบกว้างสีเขียว เข้ม ขณะออกดอกจะมีใบ ดอกสีชมพู มีร่างแหสีชมพูเข้ม
1.3 H. equestre หรือ H. puniceum ชื่อสามัญ Barbados lily มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเม็ดซิโก ชิลี โบลิเวีย บราซิล และหมู่เกาะอินดิสตะวันตก มีหัวขนาด 8 ซม. ใบเรียว ยาวกว้าง 2-3 ซม. ขณะออกดอกจะไม่มีใบ จำนวนช่อดอกต่อหัว 2 ช่อหรือมากกว่า จำนวนดอก 2-4 ดอกต่อช่อ ขนาดดอก 10-15 ซม. กลีบดอกยาว 10 ซม. ดอกมีหลายสี เช่น ส้มสดคอดอกขาว ส้มคอดอกเขียว ชมพูคอดอกเหลืองปนเขียว และแดงสดคอดอกเขียว
1.4 H. reginae มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบราซิล เปรู หมู่เกาะอินดีสตะวันตก และอาฟริกาตะวันตก มีหัวขนาด 8 ซม. ใบ 5x60 ซม. ขณะออกดอกไม่มีใบ จำนวนดอก 2-4 ดอกต่อช่อ ดอกห้อย ขนาดดอก 12 ซม. ดอกสีแดงสด บริเวณคอดอกสีขาวปนเขียว เป็นรูปดาวขนาดใหญ่ ขนาดกลีบดอก 2.5x13.0 ซม.
1.5 H. vittatum มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณเทือกเขาแอนดิสของเปรู มีหัวขนาด 8 ซม. ใบ 6-8x60 ซม. ขณะออกดอกไม่มีใบ จำนวนดอก 3-6 ดอกต่อช่อ ขนาดดอก 12-15 ซม. กลีบดอกสีขาวมีแถบสีแดงเข้ม บริเวณส่วนกลางของกลีบดอก กลีบดอกขนาด 4.0x15.0 ซม.
1.6 H. x johnsonii เป็นลูกผสมว่านสี่ทิศต้นแรกได้จากการผสมระหว่าง H. reginae x H. vittatum มีหัวขนาด 7.5 ซม. ใบ 3.5x75 ซม. จำนวนดอก 4 ดอกต่อช่อ ขนาดดอก 12.5 ซม. กลีบดอกสีแดงสดมีขีดขาว กลีบดอกยาว 10.0 ซม. โคนกลีบด้านในและด้านนอกสีเขียว
1.7 H. elegans มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกาใต้ หัวขนาด 7.5-10.0 ซม. ใบกว้าง 2.5 ซม. ขณะออกดอกจะมีใบ จำนวนดอก 2-4 ต่อช่อ ดอกสีขาวปนเขียว กลีบดอกยาว 25.0 ซม. คอดอก 10.0-12.5 ซม.
1.8 H. elegans var. divifrancisci มีถิ่นกำเนิดอยู่ในโบลิเวีย มีลักษณะต่าง ๆ คล้ายกับ H. elegans มาก แต่แตกต่างกันคือมีคอหัวยาว 10 ซม. ก้านดอก 4.5 ซม. ปลายกลีบดอกแหลม
2. ตามลักษณะสีของดอก
Bryan และ Griffiths (1995), Rees (1992) ได้จำแนกว่านสี่ทิศตามลักษณะสีของดอกดังนี้
2.1 ว่านสี่ทิศที่มีดอกสีขาว สีครีม และขาวปนเขียว ได้แก่ White Dazzle (pure white), Christmas Gift (white)
2.2 ว่านสี่ทิศที่มีดอกส้ม ชนิดดอกชั้นเดียว และดอกซ้อน ได้แก่ Orange Sovere (pure orange), Bouquet (salmon), Lydia (pale salmon)
2.3 ว่านสี่ทิศที่มีดอกสีชมพู ชมพูอ่อน ชมพูเข้ม ชมพูปนม่วง และชมพูปนแดง ได้แก่ Susan (soft pink), Beautiful Lady (pale mandarin red), byjou (soft burnt apricot)
2.4 ว่านสี่ทิศที่มีดอกสีแดง แดงสด แดงเข้ม และแดงดำ ได้แก่ Cantate (milky deep red), Dutch Belle (opal rose), Ludwig's Goliath (bright scarlet), Oskar (rich deep red), Red Lion (dark red)
2.5 ว่านสี่ทิศที่มีดอกสีเหลือง เป็นว่านสี่ทิศพันธุ์พื้นเมืองในแถบลาตินอเมริกัน
2.6 ว่านสี่ทิศที่มีดอกสีม่วงปนน้ำเงิน เป็นว่านสี่ทิศพันธุ์พื้นเมืองที่พบตามหน้าผาแถบทะเลใต้
2.7 ว่านสี่ทิศที่มีดอกสีเขียว เป็นว่านสี่ทิศพื้นเมืองในแถบอเมริกากลาง ซึ่งหายากมาก
2.8 ว่านสี่ทิศที่มีดอกสีประ และลาย ได้แก่ Apple Blossom (white flushed pink), United Nations (White striped vermilion), Cinderella (orange with white stripe), Valentine (white with pink vein)การปลูกเลี้ยงว่านสี่ทิศ
ว่านสี่ทิศมีหัวเป็นแบบ true bulb เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำดี เช่น ดินปนทรายที่มีความเป็นกรดเป็นด่าง 6.1 ในกรณีที่ปลูกเลี้ยงในกระถางควรใช้ดินผสมที่มี ดิน : ทราย : ขี้เถ้าแกลบ : ปุ๋ยหมัก ในอัตราส่วน 2 : 1 :1 :1 ดินผสม 1 ลูกบาศก์เมตร ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ปริมาณ 1 กิโลกรัม และปูนขาวครึ่งกิโลกรัม และรดปุ๋ยเคมีละลายน้ำสูตร 15-15-15 ความเข้มข้น 50 มิลลิกรัมต่อลิตรทุกสัปดาห์
ว่านสี่ทิศที่เจริญเติบโตเต็มที่จะมีใบ 4-6 ใบ จะผลิตใบใหม่ได้เดือนละใบ และทุก ๆ 4 ใบ จะมีตาดอกและจุดกำเนิดหัวการเกิดตาดอกขึ้นอยู่กับอายุและขนาดของหัว หัวขนาด 22-24 เซนติเมตร ให้ช่อดอกได้ 1 ช่อ หัวใหญ่กว่า 24 เซนติเมตร ให้ดอกได้ 2 ช่อ ในต่างประเทศมีการรักษาตาดอกของว่านสี่ทิศไม่ให้ฝ่อ โดยการขุดหัวขนาดใหญ่ ผึ่งให้กาบนอกแห้งที่ 23 -องศาเซลเซียส เก็บหัวไว้ที่ 13 องศาเซลเซียส ในสภาพมืด 8 สัปดาห์ ที่ 17-29 องศาเซลเซียส ในสภาพมืด 2 สัปดาห์ ที่ 9 องศาเซลเซียส ในสภาพมืด 8 สัปดาห์ และที่ 21-25 องศาเซลเซียส ในสภาพมืด 2 สัปดาห์ เมื่อนำออกปลูกจะแทงช่อดอกในเวลา 6-8 สัปดาห์ สำหรับในประเทศไทยให้งดการให้น้ำ จนใบแห้งแล้วทำการขุดหัวที่มีขนาดใหญ่ มีเปลือกนอกสุดของหัวสีน้ำตาล หรือดำ นำไปเก็บไว้ที่ 4-10 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 8 สัปดาห์ และเมื่อนำออกปลูกจะแทงช่อดอกภายในเวลา 2 สัปดาห์



ที่มา :   http://www.ku.ac.th/e-magazine/february46/agri/bulb.html

ไม่มีความคิดเห็น: